โหราศาสตร์คืออะไร
จรรยาบรรณโหร
การผูกดวง
ดาราศาสตร์แบบไทยๆ
เมื่อโลกเป็นศูนย์กลาง
ดูดาวเคราะห์จากจักรราศี
Horoscope
ตำนานดาวพระเคราะห์
จักรราศีวิภาค
คู่ธาตุ คู่มิตร คู่ศัตรู
ลัคนาและดวงชะตา
ดาวเกษตร ปรเกษตร
ดาวอุจ ดาวนิจ
มหาจักร ราชาโชค

สืบค้นข้อมูล
คำค้น

เกร็ดความรู้ด้านโหราศาสตร์ ที่เรารวบรวมนั้น บ้างก็มาจากเวปไซค์ต่างๆ จากตำราโหราศาสตร์ไทยบ้าง พยายามเขียนเองบ้าง เรียบเรียงใหม่บ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนไทย ได้มีความเข้าใจ เกี่ยวกับศาสตร์นี้อย่างถูกต้อง มากขึ้น ขออภัยที่ไม่สามารถ แจ้งแหล่งที่มาได้

:: โหราศาสตร์คืออะไร ::
โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยการทำนาย และการพยากรณ์ โชคชะตาของมนุษย์, ปรากฏการณ์ต่างๆ ของบ้านเมือง และของโลก โดยอาศัยตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้า เป็นเครื่องชี้ แล้วบันทึกไว้เป็นสถิติ

โหราศาสตร์ เป็นวิชาพยากรณ์ชนิดหนึ่งซึ่งอาศัย เวลา และตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นสำคัญ มิได้หมายถึงการพยากรณ์ด้วยวิธีอื่น เช่น การดูลายมือ การดูไพ่ หรือการดูด้วยวิธีนับเลข เป็นต้น

โหราศาสตร์ เป็นวิชาเก่าแก่ที่สุดวิชาหนึ่งของโลก ซึ่งได้ศึกษากันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน และยังอยู่ในความสนใจของชนชาติต่างๆ ทั่วโลกอยู่ไม่น้อย

โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ต่างกับวิทยาศาสตร์ โดยที่วิทยาศาสตร์ เป็นวิชาที่มีกฏเกณฑ์ และอาศัยเหตุผลประกอบนำมาทดลอง และพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ สามารถสรุปออกมาเป็นทฤษฎีได้ ส่วนโหราศาสตร์นั้นเป็นวิชาที่ค่อนข้างลึกลับ ยากแก่การพิสูจน์ และทดลองโดยวิธีเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงไม่รับรองโหราศาสตร์ เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง

โหราศาสตร์และดาราศาสตร์

      โหราศาสตร์ มีความเกี่ยวพันแนบแน่น กับดวงดาวทั้งหลาย ดังนั้น สิ่งแรกที่จำเป็น ต้องเรียนรู้ ก็คือ เรื่องของดวงดาว ตามปกติ เมื่อคุณอยากอ่านใครสักคนให้ออก คุณจะต้องเฝ้าสังเกตุ บุคคลนั้นจนกว่าจะรู้นิสัยใจคอ ต้องจับตามองพฤติกรรม คำพูด ฯลฯ ในทำนองเดียวกัน การอ่านดวงก็เหมือนการอ่านคน แต่แทนที่จะอ่านจากตัวบุคคลนั้นๆ คุณต้องเปลี่ยนมาอ่านจากดวงดาวทั้งหลาย ที่ปรากฎในช่วงที่ คนผู้นั้นเกิดแทน
       มีดวงดาวมากมาย ในระบบดาราศาสตร์ แต่โหราศาสตร์ไทยจะใช้ดาวเพียง10 ดวง เท่านั้น ได้แก่ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวราหู ดาวเกตุ และ ดาวมฤตยู ผู้ที่มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ ตะวันตกอยู่บ้าง ( ที่เรียกว่าระบบยูเรเนียน ) อาจคิดว่า ระบบยูเรเนียนใช้ดวงดาวมาก กว่านี้เยอะ ( เช่น เนปจูน พลูโต โครโนส ฮาเดส ฯลฯ ) น่าจะช่วยให้อ่านดวงได้ละเอียดกว่า การใช้ดาวเพียง10 ดวง ในประเด็นนี้ คงต้องแล้วแต่ความถนัด จัดเจนของแต่ละคน เพราะไม่ว่าจะใช้ดาวกี่ดวงก็ตาม หากอ่านหรือตีความดาวผิด ก็ขาดความแม่นยำ ในการทำนายได้เท่าๆกัน ดาว10 ดวงที่ใช้ในโหราศาสตร์ไทย จะใช้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์แทนดังนี้ ๑ - ดาวอาทิตย์ / ๒ -ดาวจันทร์ / ๓ - ดาวอังคาร / ๔ - ดาวพุธ / ๕ - ดาวพฤหัสบดี / ๖ - ดาวศุกร์ / ๗ - ดาวเสาร์ / ๘ - ดาวราหู / ๙ - ดาวเกตุ / ๐ - ดาวมฤตยู จริงๆแล้วราหู และ เกตุมิใช่ดาว แต่เป็นจุดคราส ( จุดดับ เช่นเดียวกับ จันทคราส หรือ สุริยคราส ) แม้ไม่ใช่ดาวแต่ก็มีอิทธิพล ต่อบุคคลไม่แพ้ดาว และสามารถดลบันดาล ให้เกิดเรื่องต่างๆ ทั้งดีและร้าย ในชีวิตคนเรา ได้เช่นเดียวกับดาว
       เมื่อบุคคลถือกำเนิดขึ้นในวันหนึ่ง-เดือนหนึ่ง-ปีหนึ่ง-เวลาหนึ่ง ดวงดาวต่างๆ ที่ปรากฎขึ้น ณ วันนั้น-เดือนนั้น-ปีนั้น-เวลานั้น คือ สิ่งที่จะบอกได้ว่า ชีวิตเราในภายหน้า จะมีความโน้มเอียง หรือเป็นไปในทิศทางใด โหรสามารถถ่ายทอด การปรากฏอยู่ของดวงดาว ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้ โดยใช้ปฏิทินโหราศาสตร์ ผู้ที่เคยดูดวงแบบที่ต้องผูกดวงคงคุ้นตา กับกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีรูปวงกลมซึ่งภายในมีเส้นตรงขีด แบ่งออกให้เป็น 12 ช่องเล็กๆ ในช่องแต่ละช่อง หรือบางช่องจะมีเลขตั้งแต่ ๑-๐ บรรจุอยู่ แผ่นนี้เองที่จำลองตำแหน่งของดวงดาว ในวันที่บุคคลนั้น ถือกำเนิดขึ้นมา และเรามักเรียกกันตามสะดวกปากว่า " ดวง " หรือ "แผ่นดวง" ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ จะต้องใช้แผ่นดวงนี้ เป็นหลักในการอ่านชีวิต ของบุคคลใดก็ตาม โดยไม่จำเป็นต้องดูว่า คนที่มาให้คุณทำนายดวงให้นั้น แต่งตัวอย่างไร พูดจาอย่างไร ดูมีการศึกษาหรือไม่ ดูรวยหรือจน... เพราะหากคุณเผลอทำเช่นนี้ โอกาสที่คุณจะอ่านดวงพลาด ย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

       ทั้งนี้เพราะ ชีวิตคนเรานั้นมิได้ปรากฎให้เห็น ผ่านเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ สิ่งที่เห็นด้วยตา มักลวงเราไปทางอื่น แต่ดวงดาว ณ วันที่ถือกำเนิดไม่ใช่มายา ดวงดาวจะบอก ความเป็นจริง เช่นบอกว่า คนผู้นี้ปากจัด, เป็นคนใจร้อน, เป็นคนมีเมตตา กรุณา หรือ เป็นคนที่ เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่คุณจะรู้สิ่งที่ดวงดาวบอก ก็ต่อเมื่อคุณมีความรู้ ทางโหราศาสตร์อย่างแน่นหนาแล้ว พร้อมกับ ได้พัฒนาทักษะ และ ความชำนาญ มาจนถึงระดับที่เชื่อมั่น ในการตีความของตนได้อย่าง ไม่มีอคติ